การทำงานกับฐานข้อมูลใน TypeScript
— typescript — 1 min read
การทำงานกับฐานข้อมูลใน TypeScript นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งเราสามารถใช้เฟรมเวิร์คหรือไลบรารีต่าง ๆ เพื่อเชื่อมต่อและทำงานกับฐานข้อมูลได้ ตัวอย่างด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างการใช้งาน MongoDB ใน TypeScript:
// ติดตั้งแพคเกจ mongodb ผ่าน npm// npm install mongodb
import { MongoClient } from "mongodb";
// URL ของ MongoDBconst url = "mongodb://localhost:27017";
// ชื่อฐานข้อมูลconst dbName = "mydatabase";
// ชื่อคอลเลคชันconst collectionName = "mycollection";
// ฟังก์ชันสำหรับเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลและดำเนินการasync function connectAndOperate() { try { // เชื่อมต่อกับ MongoDB const client = await MongoClient.connect(url); // เลือกใช้งานฐานข้อมูล const db = client.db(dbName); // เลือกใช้งานคอลเลคชัน const collection = db.collection(collectionName); // ดำเนินการกับฐานข้อมูล // เช่น เพิ่มข้อมูล const data = { name: "John Doe", age: 30 }; await collection.insertOne(data); // ค้นหาข้อมูล const query = { age: { $gt: 25 } }; const result = await collection.find(query).toArray(); // แสดงผลข้อมูล console.log(result); // ปิดการเชื่อมต่อ client.close(); } catch (error) { // จัดการข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น console.log(error); }}
// เรียกใช้งานฟังก์ชัน connectAndOperateconnectAndOperate();`
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ไลบรารี mongodb
เพื่อเชื่อมต่อกับ MongoDB ซึ่งเราต้องติดตั้งแพคเกจดังกล่าวผ่าน npm ก่อน ในตัวอย่างนี้ เรากำหนด URL ของ MongoDB เป็น "mongodb://localhost:27017"
และกำหนดชื่อฐานข้อมูลเป็น "mydatabase"
และชื่อคอลเลคชันเป็น "mycollection"
ในฟังก์ชัน connectAndOperate
เราเรียกใช้ MongoClient.connect
เพื่อเชื่อมต่อกับ MongoDB และทำการเลือกใช้งานฐานข้อมูลและคอลเลคชันตามที่กำหนด จากนั้นเราสามารถดำเนินการต่าง ๆ กับฐานข้อมูลได้ เช่น เพิ่มข้อมูลด้วย collection.insertOne
และค้นหาข้อมูลด้วย collection.find
สุดท้าย เราแสดงผลลัพธ์ข้อมูลในคอลเลคชันผ่าน console.log
และปิดการเชื่อมต่อกับ MongoDB ด ้วย client.close
เมื่อเราทำการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MongoDB และสามารถดำเนินการต่าง ๆ กับฐานข้อมูลได้ใน TypeScript แล้ว เรายังสามารถใช้ไลบรารีหรือเฟรมเวิร์กอื่น ๆ เพื่อทำงานกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ได้ตามความต้องการ เช่น PostgreSQL, MySQL, SQL Server ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีเฟรมเวิร์ก ORM (Object-Relational Mapping) ที่ช่วยให้เราสามารถจัดการฐานข้อมูลแบบออบเจ็กต์ได้ง่ายขึ้น เช่น Sequelize, TypeORM, Prisma ฯลฯ โดยเฟรมเวิร์กเหล่านี้จะช่วยแปลงข้อมูลจากฐานข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของออบเจ็กต์ในภาษา TypeScript เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและจัดการข้อมูล
อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการฐานข้อมูลอื่น ๆ แบบ NoSQL อีกด้วย เช่น Firebase, MongoDB Atlas, Amazon DynamoDB ฯลฯ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้มี API ที่ใช้งานง่ายและให้ความยืดหยุ่นสูงในการทำงานกับฐานข้อมูลแบบ NoSQL
อย่างไรก็ตาม การทำงานกับฐานข้อมูลใน TypeScript นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของโปรเจกต์ของคุณ คุณสามารถเลือกใช้เฟรมเวิร์กหรือเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการและความถนัดของคุณได้